การเลือกคอร์สภาษา–ดูที่ราคาหรือคุณภาพ?
สถาบันสอนภาษามีมากมาย–ซึ่งมีทั้งครูและหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้นักเรียนได้มีการพัฒนาทักษะทางภาษาอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณเป็นน้องใหม่ในการเรียนภาษาอังกฤษ–ไม่เคยได้เรียนภาษาอังกฤษจริงจัง แตมีแรงสู้ในครั้งนี้เพื่ออยากที่จะได้โอกาสในการงานและการเรียนมากขึ้น–คุณต้องเลือกสถาบันและคอร์สภาษาที่แรกให้ดี–เพราะสถาบันนั้นจะมีผลกระทบต่อการเรียนภาษาของคุณไปในอนาคต
เจ้าของบริษัท,ระดับผู้จัดการและหัวหน้างานมักจะเลือกเรียนเดี่ยว–
เพราะทำไม? เพราะนั่นคือการเรียนที่จะได้คุณภาพที่สูงที่สุด และจะสามารถพัฒนาภาษาได้เร็วมาก ใช่–ราคาค่าเรียนของคอร์สเดี่ยวจะค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่ม แต่สำหรับเขาพวกนี้ คุณภาพของการเรียน–มันตีเป็นราคาไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามันมีค่ามากมาย และเขายอมสละเงินตรงนี้เพื่อให้ได้ทักษะที่จะติดตัวเค้าไปในระยะยาว…
ถ้าราคามันเจ็บปวดหัวใจ.. คุณควรดูที่กลุ่ม แต่ควรระวังว่า–ถ้าพื้นฐานยังไม่ดี เราควรศึกษาทั้งหลักสูตร จำนวนผู้เรียน และ ครูผู้สอน(ถ้าเป็นไปได้) ก่อนตัดสินใจ KruMae มีข้อดังกล่าวให้เราพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ
- ตอนนี้คุณใช้ทักษะใด–ปรับปรุงทักษะนั้น หมายถึงถ้าคุณใช้การเขียนอีเมล์มาก คุณควรเรียนการเขียนอีเมล์ให้ดียิ่งขึ้น เพราะได้ฝึกในที่ทำงานทุกวัน ถ้าเรียนสนทนาแล้วไม่ค่อยได้พูด–ก็จะเก่งได้ช้ากว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวัน
- ถ้าคุณไม่มีพื้นฐาน ควรเลือกคอร์สที่สอนระดับพื้นฐานจริงๆ ถ้าไม่เช่นนั้น–คุณจะเรียนในกลุ่มที่มีหลายระดับ คนที่เก่งจะพูดเยอะ และทำให้คุณอาย และไม่กล้าเวลาที่จะถึงคุณ–สุดท้ายก็จะยอมแพ้แล้วไม่มาเรียนอีกเลย—
อย่าลืมว่าคนที่เก่งกว่าคุณนั้น–เค้าเก่งเพราะเค้าเรียนและฝึกมาก่อนคุณ–ก็แค่นั้นเอง
- คนที่ไม่มีพื้นฐานจะเยอะกว่าคนที่มี— หลายสถาบันมักจะจับให้เรียนเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 20 กว่าคน–คอร์สแบบนี้ต้องหลีกเลี่ยง คุณควรเข้ากลุ่มที่เล็กพอดี ที่ครูดูแลด้วยทั่วถึง เพราะการเริ่มต้นเรียนภาษานั้นสำคัญมาก ถ้าครูดูไม่ทั่วถึง..คุณจะไม่ได้รับประโยชน์ที่เต็มที่
- อย่าลืมว่าสถาบันภาษาก็คือธุรกิจๆหนึ่ง ถ้าค่าเรียนน้อย–จำนวนคนในห้องเรียนก็จะเยอะ ค่าแรงแพงมาหน่อย–จำนวนคนเรียนก็จะน้อย เสียเงินครั้งนึง–เราควรให้มันตอบแทนประโยชน์มากที่สุด–ไม่งั้นเก็บตังค์ไว้แล้วไปนั่งเล่นที่บ้านดีกว่า
- สุดท้าย–การเรียนภาษาเป็นเหมือนการออกกำลังกาย-– ต้องให้มันเป็นสิ่งๆหนึ่งในชีวิตเราให้ได้ ไม่ต้องศึกษามาก วันละนิดๆก็พอ แต่ควรฝึกกับเจ้าของภาษาแทนการฝึกดูหนังหรือฟังเพลงที่บ้าน เพราะฝึกกับคนที่เก่ง–เราก็จะเก่งตามเค้าได้เร็วขึ้น