ติว TOEIC มากกว่าวันละ 3 ชั่วโมงให้ผลเสียอย่างไร
นักเรียนจำนวน 60% มักมาบอกว่า ตัวเองมีเวลาในการติวน้อย แค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น ดังนั้นวันนึงจะต้องติว 4-6 ชั่วโมง เพื่อที่จะสามารถเพิ่มคะแนน 400 ภายใน 1 อาทิตย์ คือ TOEIC มันไม่ใช่ข้อสอบแบบนั้น ไม่ใช่วิชาชีวะ มันไม่ใช่วิชาสังคมที่นักเรียนมาอ่านๆ 4-5 ชั่วโมง ต่อวันแล้วบางทีนักเรียนก็อาจจะสอบผ่านได้ โทอิคคือข้อสอบทักษะ การที่นักเรียนเข้าใจรูปแบบข้อสอบได้เร็วเท่าไหร่ มันจะทำให้นักเรียนได้เปรียบเพราะว่าการที่นักเรียนเข้าใจข้อสอบได้เต็มที่ แล้วเข้าใจจุดประสงค์จริงๆ ของมันคืออะไร จะทำให้นักเรียนติวได้ถูกทาง แล้วจะลดความเครียด ลดอะไรได้เยอะแยะเลยที่มันไม่จำเป็นในการที่จะทำคะแนน TOEIC ที่ต้องการ
เมย์บอกเลยค่ะว่า หยุดเถอะ อย่าทำแบบนี้กับตัวเอง เพราะว่ามันจะสร้างความเครียดแล้วก็ความรู้สึกที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษในระยะยาว เมย์แนะนำว่า ติว TOEIC มากสุดแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ขอให้ทำทุกวันแล้วกัน เพราะแค่นี้ก็จะสามารถส่งผลอย่างมากมายเลยเวลาที่นักเรียนไปสอบ

สาเหตุที่ ติว TOEIC มากกว่า 3 ชม.มักไม่ได้ผลเพราะสมองไม่รับ สมองของเรารับข้อมูลใหม่ๆ แค่ 20 นาทีเท่านั้น ถ้านักเรียนอ่านมากกว่า 20 นาทีทุกอย่างจะเริ่มเบลอแล้ว มันเหมือนกับน้ำที่ล้นแก้ว แก้วนึงมันมีแค่นี้ แล้วเมื่อเราเทน้ำลงไปเรื่อยๆ แก้วก็เริ่มเต็ม ถ้านักเรียนอ่านต่อไปเรื่อยๆ สิ่งที่นักเรียนได้ก็แค่นี้แล้วสิ่งที่นักเรียนพยายามที่จะยัดๆ ให้ตัวเองมันก็ล้นออกมา มันก็เลยเจอสถานการณ์ที่ว่าเวลาไปสอบ มันเบลอไง มันเหมือนกับว่า เราอ่านมาเยอะแล้วแล้วทำไมรู้สึกว่าเราจำอะไรไม่ได้เลย ก็เป็นเพราะเหตุนี้แหละ เพราะสมองมันรับได้แค่นี้ นักเรียนใส่ไปเท่าไหร่มันก็รับได้แค่นี้แหละ ดังนั้นในส่วนของ DAILYTOPSTARS เมย์ให้นักเรียนสามารถติวได้ 1-2 ชั่วโมงได้ก็เพราะว่านักเรียนสามารถที่จะ พอติวคลิป 20 นาทีเสร็จแล้วนักเรียนก็ต้องไปทำอย่างอื่น ก็คือเปลี่ยนรูปแบบการแค่นั่งเรียน ไปเป็นการทบทวนคำศัพท์ ไปเป็นการฝึกฟัง สมองก็จะเปลี่ยนกลไกการซึมซับข้อมูลในส่วนนี้เสร็จแล้ว การสลับกิจกรรมไปเรื่อยแบบนี้ในแต่ละวัน มันทำให้นักเรียนสามารถที่จะติวทักษะภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ อย่างทุกรูปแบบเลย โดยที่ไม่ต้องสร้างความเครียดให้กับสมองในการทำหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งมากกว่า 20 นาที
สาเหตุที่ 2 ก็คือมันจะเพิ่มความเครียด ความกังวลมันจะเริ่มมา เมย์ถึงไม่แนะนำให้นักเรียนรีบทำคะแนน TOEIC ในเวลา 3-4 วันหรือ 7 วัน เพราะว่านักเรียนจะกังวลมาก นักเรียนจะกังวลว่าสิ่งที่ตัวเองอ่านอยู่ทำไมมันถึงไม่เข้าหัวสมอง และสิ่งที่อ่านอยู่มันเพียงพอในการสอบใน 2-3 วันที่จะผ่านมามั้ย ความเครียดบวกความกังวลทำให้สิ่งที่นักเรียนอัดในสมองของตัวเอง 5-6 ชั่วโมง มันไม่ได้ผลเลย นักเรียนจะมัวแต่กังวลในสิ่งนี้ทำให้ไม่สามารถที่จะซึมซับทักษะภาษาอังกฤษและเทคนิคต่างๆ ได้เต็มที่ สมองของเราทำงานได้แค่ครั้งละ 1 อย่างนะคะ อาจจะเป็นเพราะว่าสมัยก่อนในช่วงของ caveman เราจะต้องมีการอยู่รอดใช่ไหม ถ้าสมมติว่าคนในสมัยยุคก่อนเขาไปล่าสัตว์ ไปล่าช้างหรือว่าควายป่าตัวหนึ่งนะคะ เขาก็จะต้องโฟกัสที่สัตว์ตัวนั้น ถ้าเขามัวแต่คิดว่า เอ๊ะ นี่เราวิ่งมาเท่าไหร่แล้ว แล้วก็เด็กๆ จะเป็นอย่างไรที่บ้าน แล้วก็หญ้าสูงจัง ท้องฟ้าสดใส แล้วฝนจะตกไหม ถ้าเขามัวแต่คิดเรื่องแบบนี้แล้วเขาจะมีอาหารเย็นไปกินคืนนี้มั้ย ธรรมชาติเลยสร้างมาให้สมองใหญ่ๆ ของเราประมวลผลทุกอย่างแค่อย่างเดียวเท่านั้น แค่โฟกัสที่ควายป่าตัวนั้นว่าจะต้องจับมันให้ได้เท่านั้น มันเป็นส่วนสำคัญในเรื่องของความอยู่รอดของเรา แต่พอมาในยุคนี้แค่ประมาณไม่กี่พันกว่าปี วิวัฒนาการเมื่อเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีแล้ว สมองของเรามันยังช้ากว่าเทคโนโลยีเยอะแยะเลย สมองก็ยังเป็นแบบสไตล์พันกว่าปีเหมือนเดิมนะคะ ก็คือจะต้องอยู่รอด จะต้องโฟกัสอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นเวลาที่นักเรียนเพิ่มความเครียดให้ตัวเองในการเพิ่มคะแนนภายใน 2-3 วันหรือภายใน 1 อาทิตย์ มันทำให้นักเรียนกังวล แล้วเวลากังวล สมองของนักเรียนก็จะไปโฟกัสเรื่องของความกังวล การเอาความกังวลออกไปก็คือการที่นักเรียนเอาเวลาเตรียมพร้อมเต็มที่ 1-2 เดือนในการทำ ติว TOEIC ถ้านักเรียนต้องการทำคะแนน TOEIC สูงๆ 700-800 ก็ต้องให้เวลาตัวเองเยอะกว่า 1 เดือน คนที่ประเทศญี่ปุ่นเขาพยายามให้ได้ 900 กันทั้งนั้น เพราะว่าเขาเชื่อว่า 900 มันจะเปิดประตูโอกาสให้ทุกอย่างเลย คนที่ได้ 900 ทักษะเขาสูงมากเพราะเขาสะสมทุกวัน ถ้าอยู่ดีๆ มาอยากได้ 900 โดยการนั่งท่องโจทย์ นั่งทำโจทย์ นั่งท่องเทคนิค มันจะเป็นไปไม่ได้เลย
ติว TOEIC เยอะไป มักได้คะแนนน้อย หมายความว่าการที่ อ่านมาทั้งวัน อ่านไปเครียดไป อ่านไปกังวลไป พอผ่านมา 3-4 วันถึงวันสอบ ทำอย่างไร ก็ได้คะแนนน้อยแล้วก็มานั่งกังวลต่อนะ ว่าข้อสอบ TOEIC มันยากจัง หัวเราคงไม่โอเค เราคงที่จะเลิกล้มการสอบ TOEIC แล้วก็ยอมรับชะตาว่างานดีๆ คงไม่มาอยู่กับเราแน่ แล้วก็เงินเดือนก็ได้แค่นี้แหละ เห็นไหมมันก็จะไหลตามไปเลย ทั้งๆ ที่ตัวเองเตรียมพร้อมไม่ดีเอง ถ้าตัวเองเตรียมพร้อมดี ตัวเองก็จะเข้าห้องสอบอย่างมั่นใจ เห็นข้อสอบแล้วแบบ ทำไมตอนแรกถึงคิดว่ายาก ทั้งๆ ที่ตอนนี้ก็ดูว่ามันก็โอเคนะ มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น เพราะว่านักเรียนเตรียมตัวมาดีไง ถ้าเตรียมตัวทุกวันตามแผนการเรียน DAILYTOPSTARS ของคอร์ส TOEIC@HOME นักเรียนเจอข้อสอบครั้งต่อไปมันก็ไม่ใช่เรื่อง surprise อีกต่อไป เพราะว่าฝึกมาเยอะแล้ว มันก็ทำให้เราไม่เครียด แล้วการที่เราไม่เครียดในห้องสอบส่งผลกับคะแนนอย่างมากมายเลยนะ นักเรียนของเมย์ที่ทำคะแนนได้สูงๆ ส่วนมากมาถึงบอกเลยว่าเขาก็ไม่ได้เครียดอะไร เห็นข้อสอบคือ มีอย่างเดียวที่ต้องระวังก็คือการบริหารเวลาของ part 5 กับ part 6 อย่างอื่นนะ ก็คือทำไปก็อ่านไป แล้วก็ทำไปแล้วก็อ่านไป ไม่กังวลถึงข้อที่แล้ว ไม่กังวลถึงข้อที่จะเจอ ทำทุกข้อให้เท่ากันเพราะว่ามันให้คะแนนเท่ากัน ถ้าทำงานแล้ว ให้ดูแนวทางการบริหารเวลา ติว TOEIC ได้ที่นี่
