ฝึกฟังอย่างมีหลักการ–ไม่ใช่ฟังไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมาย
IELTS LISTENING 7.0 เป็นระดับคะแนนที่ถือว่าท้าทาย
การสอบฟังของ IELTS ให้ได้ BAND 7.0 นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากพอสมควรสำหรับนักเรียนที่แทบไม่ได้ฟังภาษาอังกฤษหรือนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ไหนจะต้องฟังแล้วจับประเด็นกับคำตอบให้ได้ ต้องบอกก่อนเลยว่าภาษาอังกฤษก็มีสำเนียงที่แตกต่างออกไป อย่างหลักๆจะมี 2 สำเนียงที่เราคุ้นเคย คือ สำเนียงอเมริกากับอังกฤษ แต่ตอนสอบเขาไม่ได้เลือกสำเนียงใดสำเนียงหนึ่งมาสอบสิคะ ข้อสอบ IELTS คือ การวัดระดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียน ฉะนั้นเราจะได้ฟังชาวต่างชาติพูดภาษาอังกฤษหลายสำเนียงอยู่แล้ว อยู่ๆจะให้มาสอบการฟังเลยก็คงจะทำคะแนน แถมฟังได้แค่ครั้งเดียว! ถ้าไม่เตรียมตัวให้ดีและมีหลักกการในการทำข้อสอบ IELTS —ทำแต่โจทย์ไม่ได้ฝึกใช้ทักษะ จะทำข้อสอบส่วน IELTS LISTENING ได้ยากมาก..ในบทความนี้เราจึงจะพูดถึงวิธีการใช้เทคนิคที่ชื่อว่า APT ในการอัพคะแนน IELTS LISTENING 7.0 ได้ง่ายขึ้นสำหรับนักเรียนกันค่ะ
เทคนิคช่วยไม่ได้–ถ้าไม่มีทักษะเป็นพื้นฐาน
เราอยู่ประเทศไทย คุ้ยเคยกับการใช้ภาษาไทยซะส่วนใหญ่ อยู่ๆจะมาคุ้นกับการออกเสียงภาษาอังกฤษของเจ้าของภาษาคงทำได้ยาก ครูจึงให้นักเรียน IELTS ของครูฝึกทักษะการฟังตามตารางการบ้านที่ออกแบบมาในคอร์ส IELTS@HOME เพราะการฝึกเล็กน้อยแต่สม่ำเสมอจะทำให้นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะการฟังได้เร็วมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้บอกให้เปิดเทปฟังไปเรื่อยๆแล้วทักษะการฟังของเราจะดีขึ้น ตราบใดที่เรายังฟังไม่ออกว่าเขาคุยอะไรกัน ฟังให้เยอะแค่ไหน ฟังไม่ออกก็คือฟังไม่ออกนั่นแหละค่ะ เราไม่สามารถทำความเข้าใจหรือจับประเด็นในการฟังได้อาจเป็นเพราะไม่รู้ว่าให้ฟังอะไร ตรงไหน การที่เราฝึกฟังแบบมีทักษะจะช่วยให้เราพัฒนาด้านการฟังได้มากขึ้น โดยการใช้เทคนิค APT มาฝึกฟังแบบใช้ทักษะ วิธี้นี้เป็นวิธีที่ทำน้อยแต่ได้ผลประสิทธิภาพในการฟังและทำข้อสอบฟัง IELTS
เมื่อมีทักษะการฟังถึงสามารถใช้ APT ให้ได้ผลดี
เทคนิค APT จะเป็นระบบช่วยนำทางในการทำโจทย์ และช่วยควบคุมสติในการทำคะแนนระดับนี้ เมื่อใช้ควบคู่กับทักษะการฟังที่ได้สะสมมาในทุกๆวัน ข้อสอบนี้ก็จะไม่ยากอย่างที่คิด มาดูว่า APT ย่อมาจากอะไรและใช้อย่างไร
A : Analyze
ขั้นตอนแรกคือการวิเคราะห์โจทย์ว่าโจทย์ต้องการอะไร–เป็นโจทย์ประเภทไหน เขากำหนดมาว่าห้ามตอบเกินกี่คำ ครูอยากให้นักเรียนมองข้อมูลในโจทย์ให้ละเอียดก่อนนะคะ เพราะข้อมูลตรงนี้จะเป็นตัวไกด์เรียงลำดับคำตอบที่เราจะคอยฟังได้อย่างดี รวมถึงทำให้เราตอบในแบบที่เขากำหนดมา นักเรียนที่ทำเร็วก็มีโอกาสพลาดได้เนื่องจากไม่ได้อ่านรายละเอียดในโจทย์ให้ดีก่อนทำ
P : Predict
พอเริ่มเข้าใจว่าโจทย์ต้องการให้นักเรียนทำอะไร ขั้นตอนต่อไปคือการ predict หรือคาดเดาว่าคำตอบนั้นจะเป็นในรูปแบบไหน, คำประเภทใด, เป็นวันที่/ตัวเลข/คำเฉพาะ การที่นักเรียนคาดเดาคำตอบล่วงหน้าจะทำให้สามารถจับคำตอบตอนฟังได้ง่ายขึ้น ระวังในการข้อสอบฟังที่ชอบหลอกเราให้เลือกคำตอบแรกที่ได้ยิน แต่อันที่จริงแล้วคนพูดได้เปลี่ยนในตอนท้ายแล้วไปเลือกอีกอย่างแทนหรือก็คือ คำตอบที่ถูกต้องไม่ใช่คำตอบแรกที่เราได้ยิน แต่เป็นคำตอบสุดท้ายที่คนพูดเลือกยังไงล่ะ การเจอโจทย์แบบนี้จะทำให้นักเรียนเสียคะแนนไปง่ายๆอย่างน่าเสียดาย อุตส่าห์เจอคำตอบแล้วยังจะมาหลอกอีก
T: Tracking
Tracking คือการที่นักเรียนมองโจทย์ไปรอบๆเพื่อหาคำตอบเติมลงในช่องว่าง–การฟังพร้อมการ track ติดตามว่าเราฟังไปถึงไหน เพื่อที่จะทำให้นักเรียนสามารถฟังได้เข้าใจมากขึ้น และรู้ลำดับของคำตอบที่จะออกมา เวลาฟัง อย่าใช้สายตาไปมองที่อื่นหรือปิดตาฟังเผื่อว่ามันจะทำให้นักเรียนมีสมาธิมากขึ้น เพราะจริงๆแล้วจะทำให้นักเรียนพลาดคำถามในโจทย์ และจะทำให้นักเรียนไม่สามารถจับข้อมูลใดๆได้เลย การฟังและใช้สายตากวาดไปรอบๆโจทย์จะช่วยให้เราจับข้อมูลสำคัญหรือ KEYWORD มาตอบคำถามในช่องว่างได้มากขึ้น
APT เป็นระบบการฟังที่จะช่วยนักเรียนได้
สามขั้นตอนนี้จะช่วยให้นักเรียนทำโจทย์อย่างมีระบบ และเพิ่มโอกาสในการจับข้อมูลที่เป็นคำตอบที่ถูกต้อง อย่าลืมว่านักเรียนสามารถขีดเขียนในกระดาษข้อสอบได้–ดังนั้นการที่เราจดสิ่งที่นักเรียนได้ยินหรือสำคัญในการทำข้อสอบ จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับตัวโจทย์และสามารถเติมคำตอบได้ตามสบาย นักเรียนจะมีเวลาในการถ่ายโอนคำตอบลงกระดาษคำตอบใน 10 นาทีสุดท้าย อย่าลืมเตรียมตัวและบริหารเวลาในการสอบให้ดีด้วย
แนวทางการฝึกทักษะการฟังเพื่อใช้ควบคู่กับ APT
APT จะใช้ได้อย่างถูกต้องเมื่อนักเรียนมีพื้นฐานการฟังที่ดี อย่าคิดว่าแค่เทคนิคก็พอทำคะแนนได้ เพราะการทดสอบของข้อสอบนี้นั้นจะถามถึงคำศัพท์ ไม่สามารถมาเดาเป็นตัวเลือกไดเหมือนข้อสอบอื่นๆเช่น ข้อสอบ TOEIC ที่มีตัวเลือกให้เราใช้ตอบได้ ดังนั้นพื้นฐานทักษะการฟังต้องฝึกทุกวัน
เมื่อถึงเวลาฝึกฟังให้พร้อมทำข้อสอบ นักเรียน IELTS ส่วนใหญ่มักจะไม่แน่ใจว่าต้องฝึกอย่างไร และฝึกเท่าไหร่ถึงจะพอในแต่ละวัน บางคนฝึกอาทิตย์ละครั้ง—แบบนี้จะไม่พอในการพัฒนาทักษะการฟังอย่างแน่นอน
อย่าคิดว่าการฝึกฟังนั้น จะเพิ่มทักษะการฟังอย่างเดียว เพราะพื้นฐานการฟังนี้ละที่จะช่วยให้นักเรียนพูดภาษาอังกฤษได้เก่งขึ้น เพราะนักเรียนสามารถนำประโยคที่ใช้สนทนาและเลียนแบบการออกเสียงของเจ้าของภาษาได้อย่างดี เวลาพูดก็จะเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ใช่แบบท่องจำแลวนำมาใช้ ครูได้แนบเทคนิคการทำคะแนนในส่วน Speaking ไว้ที่นี่อีกด้วย
คว้าคะแนน IELTS LISTENING 7.0 ด้วยวิธีนี้!
ทักษะการฟังนั้นก็เหมือนทักษะทั่วไปที่เรากำลังสอนสมองของเราให้เรียนรู้สิ่งใหม่ สมองของเราจะไม่สามารถรับข้อมูลใหม่ๆได้เป็นชม.ๆ ดังนั้นเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด นักเรียนควรจะฝึกน้อยๆ แค่วันละ 10-15 นาที แต่ฝึกทุกวัน ตามแผนการเรียนของ DAILYTOPSTARS ในคอร์ส IELTS@HOME