คุณเคยมั้ย? ส่งเรซูเม่ไปสิบๆกว่าที่ แต่มีตอบกลับมาน้อยมากๆ  สาเหตุเพราะเศรษฐกิจไม่ดี หรือการเขียนเรซูเม่ของคุณไม่ดีพอ? สาเหตุส่วนใหญ๋ที่บริษัทต่างๆไม่ติดต่อคุณกลับก็เพราะตัวเรซูเม่ของคุณ  หลายคนมองข้ามความสำคัญของการเขียนเรซูเม่ กะเอาง่ายๆโดยการไปลอกในเน็ท--ใช้คำศัพท์ที่ยากเกินความสามารถ หรือไม่ก็ไม่รู้จักการเลือกรูปแบบเรซูเม่ที่ตรงกับประวัติของตัวเอง..(เรซูเม่มีหลายตัวนะ!) เมเลยจะมาพูดถึง 5 ข้อสำคัญในการเขียนเรซูเม่ที่คุณจะพลาดไม่ได้! เขียนเรซูเม่ของคุณในรูปแบบอนาคต  ไม่ใช่อดีต เขียนให้คนอื่านมองภาพออกได้ว่าคุณมีทักษะใดที่จะมาใช้ในการทำงานได้บ้าง เรซูเม่ไม่ใช่ที่ๆจะมาเปิดเผยทุกอย่างที่ทำมา--ดี/ไม่ดี   คุณควรจะลงแค่สิ่งที่จะช่วยให้คุณเป็นที่ต้องการของบริษัท และเหมาะสมกับงานตำแหน่งที่คุณได้สมัครไว้ อย่าเอารายละเอียดงานมาลงเป็นประวัติของตัวเอง  จำเจและน่าเบื่อมากเพราะคนสัมภาษณ์เขารู้ดีว่าตำแหน่งนั้นมีหน้าที่อะไร เขาอยากรู้ว่าคุณได้ทำอะไรบ้างมากกว่า  คุณควรเขียนถึงความสำเร็จของคุณ ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่--อย่างเช่นได้รับมอบหมายทำโปรเจค--ก็พอแล้ว! เน้นการโปรโมททักษะหรืองานที่เราชอบทำ  เพราะนั่นคือจุดขายของเรา ถ้าเราโปรโมทงานที่เราเบื่อหน่ายแต่เห็นว่าดูดีเลยพูดถึงบ่อยๆ ถ้าบริษัทจ้างเราก็จะจ้างเพราะเราสามารถทำงานนั้น---ท้ายที่สุดแล้ว ก็จะไม่มีความสุขอยู่ดี อย่าโกหก  อันนี้สำคัญมาก เพราะมันเสียเวลาทั้งของเราและของบริษัท โกหกว่าทำงานนี้ งานนั้นได้

  พิธีรับปริญญาในภาษาอังกฤษ เรียกว่า "Commencement" ซึ่งแปลว่า "จุดเริ่มต้น" แต่เอ...หลายคนคงจะสงสัยว่า ทำไมถึงเรียกว่าจุดเริ่มต้น ทั้งๆที่มันคือ Graduation Day --หรือคือวันเรียนจบ สาเหตุก็เพราะวันที่เราเรียนจบ..คือวันที่ชีวิตวัยนักเรียนได้สิ้นสุดลง และชีวิตของการทำงาน และความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบได้เริ่มขึ้น นักเรียนได้วาดฝันถึงวันนี้มาตั้งแต่ปี 1  หรือช่วงมัธยม..ก็ยังมี  พอใกล้ถึงวันนั้นทุกคนเตรียมชุด หาช่างกล้องประจำตัว การด์ชวนเพื่อน ช่างแต่งหน้าทำผม---แต่ ถามจริง..มีใครเตรียมเรซูเม่ คะแนนโทอิค หรือทักษะการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ สำหรับวันต่อไปหลังจากงานรับปริญญามั้ย? มีน้อยคนนักที่เตรียม--บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโทอิคคืออะไร  แล้วมีการตกใจเมื่อคนสัมภาษณ์--หน้าตาก็ไทย  แต่ถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษ--เงิบไปเลย! พอเราเตรียมตัวช้า---คนที่เตรียมมาก่อนก็จะได้งานดีๆ เงินเดือนสูงๆก่อน แล้วเหลืออะไรให้เราละ? หลายคนเหลือเกินที่มาหา KruMae แล้วขอให้ได้คะแนนโทอิคเท่านั้น เท่านี้ในเวลาจำกัด  หรือไม่ก็ขอติวสัมภาษณ์งาน--ทั้งๆที่ทักษะการพูดการฟังนั้นแทบจะไม่มีเลย